การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายและช่วยลดน้ำหนักได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นการออกกำลังกายง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก แต่การวิ่งก็เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง เพราะทุกครั้งที่เท้าเราสัมผัสพื้น ขาต้องรับแรงเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากน้ำหนักตัว
ดังนั้น อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง จึงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมือเก่าหรือใหม่ก็ต้องคอยเจอกับอาการวิ่งแล้วเจ็บมาด้วยกันทั้งนั้น
แล้ว วิ่งอย่างไรไม่ให้บาดเจ็บล่ะ? Fit Me มีเทคนิค มาฝากกันค่ะ
6 เทคนิค ที่ต้องรู้ถ้าไม่อยากวิ่งแล้วบาดเจ็บ
- เมื่อรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อ ให้ “พัก”
- อบอุ่นร่างกายก่อนวิ่งและคูลดาวน์หลังวิ่ง
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังวิ่ง
- สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
- วิ่งให้ถูกท่า
- ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องวิ่งลงเนิน
1. เมื่อรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อ ให้ “พัก”
พยายามฟังเสียงของร่างกายของเราตลอด ตอนวิ่ง เพราะเราจะรู้ดีว่า เกิดความผิดปกติอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บหรือกล้ามเนื้ออักเสบ หรือความผิดปกติอะไรบางอย่างจากกล้ามเนื้อของเรา อย่าฝืนวิ่งต่อ แต่ควรพักอย่างน้อย 7 วันหรือขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บนั้น
บ่อยครั้งอาการบาดเจ็บมักมาจากการฝึกซ้อมวิ่งที่หนักต่อเนื่อง ไม่มีวันพักเลย ทำให้กล้ามเนื้อรับไม่ไหว จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้นถ้าเป็นกรณีนี้ เราควรต้องมีวันพัก และต้องพักจริงๆ นะคะ คือวันนั้นให้หยุดออกกำลังกายไปเลย เพราะการพักฟื้นกล้ามเนื้อก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งการเทรนด้วยเหมือนกัน
แต่ถ้าเป็นกรณีที่บาดเจ็บเล็กน้อย ช่วงที่หยุดวิ่งก็ใช่ว่าเราจะต้องเลิกออกกำลังกายไปเลยนะคะ แต่ให้เปลี่ยนไปเป็นการว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานแทนได้ เพราะการว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานมีแรงกระแทกต่ำ แต่ยังเป็นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอที่ดี เป็นการรักษาความฟิตของร่างกายไว้ เมื่อเรากลับมาวิ่งอีกครั้งร่างกายก็ยังฟิตเหมือนเดิมค่ะ
ถ้าพักแล้วอาการยังไม่ดี ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรปล่อยให้เป็นจนเจ็บเรื้อรังจนรักษายากนะคะ
2. อบอุ่นร่างกายก่อนวิ่งและคูลดาวน์หลังวิ่ง
ก่อนวิ่ง เราควรเริ่มออกกำลังกายเบาๆ หรืออบอุ่นร่างกายด้วยการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ เป็นเวลา 5-10 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจได้ปรับตัวก่อนออกกําลังกาย เป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บได้ และเมื่อวิ่งเสร็จก่อนยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เราควรคูลดาวน์เพื่อให้หัวใจและกล้ามเนื้อของเราค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บค่ะ
ยิ่งเราต้องซ้อมวิ่งที่ต้องใช้ความเร็วมากเท่าไร เรายิ่งต้องอบอุ่นร่างกายนานขึ้นเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : ท่าวอร์มอัพร่างกาย ก่อนออกกำลังกาย
3. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังวิ่ง
การยืดกล้ามเนื้อเป็นเรื่องสำคัญที่นักวิ่งอย่างเราห้ามมองข้ามเด็ดขาดนะคะ! เพราะการยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังวิ่งจะช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้กล้ามเนื้อพร้อมสำหรับการวิ่งทั้งระยะใกล้และไกล ถึงแม้ว่าการยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะไม่ได้รับประกันว่าถ้าเราทำแล้วจะไม่เกิดอาการบาดเจ็บ แต่มันช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางกรณีอย่างแน่นอน
การยืดกล้ามเนื้อก่อนวิ่ง เน้นเพื่อให้กล้ามเนื้อพร้อมสำหรับการใช้งาน
ส่วนการยืดเหยียดหลังวิ่ง เน้นเพื่อให้กล้ามเนื้อที่ทำงานมาอย่างหนักคลายตัวนั่นเองค่ะ
อ่านเพิ่มเติม >>> ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อสำหรับนักวิ่งมีท่าไหนบ้าง
4. สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
อยากวิ่งได้ไกลขึ้น นานขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ซ้อมวิ่งเท่านั้นนะคะ การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อก็สำคัญเช่นกัน เพราะกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว สะโพก และต้นขา เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราวิ่งได้ดีขึ้น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย และลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บได้อีกด้วย
ในตารางฝึกซ้อมวิ่งของเราต้องมีวันที่ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง หรือ บอดี้เวท ก็ได้) และ วันพัก ด้วยเสมอนะคะ
ยิ่งกล้ามเนื้อแข็งแรงมากเท่าไร ยิ่งทำให้โอกาสบาดเจ็บลดลงเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม >>> ท่าบริหารกล้ามเนื้อสำหรับนักวิ่ง
5. วิ่งให้ถูกวิธี
การวิ่งให้ถูกท่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ โดยระหว่างวิ่งเราไม่ควรวิ่งแบบก้าวเท้ายาวเกินไป (Over Strike) เพราะจะทำให้เกิดแรงกระแทกที่ข้อเข่ามากขึ้น หรือไม่ควรวิ่งเข่าสูงจนเกินไป เพราะทำให้ข้อเข่าต้องงอมากเกินความจําเป็น อาจทําให้เกิดอาการปวดเข่าง่ายขึ้น
นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญของการจัดฟอร์มการวิ่ง ตั้งแต่ศรีษะ บ่าไหล่ แขน มือ และวางเท้า เพื่อให้เราวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่ายค่ะ
อ่านเพิ่มเติม >>> เทคนิคการวิ่งที่ถูกต้อง
6. ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องวิ่งลงเนิน
การวิ่งลงเนินเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะเองตัวไปด้านหน้ามากเกินไป ก้างเท้ายาวกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถควบคุมท่าวิ่งของตัวเองได้ ซึ่งจะนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้
แต่หากจําเป็นต้องวิ่งลงเนิน ควรจัดระเบียบร่างกายให้ถูกต้องด้วยการเกร็งลําตัวให้ตั้งตรงเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และควรซอยเท้าให้ถี่และเร็วขึ้นกว่าตอนวิ่งบนพื้นราบ เพื่อลดแรงกระแทกในการลงน้ำหนักที่เท้า ช่วยไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ค่ะ
สรุป
การวิ่งควรวิ่งให้สนุกและวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการบาดเจ็บตามมาได้ ดังนั้นใครอยากวิ่งไม่ให้บาดเจ็บ อย่าลืมปฏิบัติตามทริคที่เราแนะนำไปนะคะ แต่ถ้าใครยังวิ่งไม่ได้เพราะน้ำหนักเกินหรือยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ลองมา เดินออกกำลังกาย ก็ทำให้ผอมได้เหมือนกันนะคะ
รองเท้าวิ่ง ที่เราเลือกก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้วิ่งแล้วเจ็บด้วย ถ้าเราเลือกรองเท้าวิ่งมาได้ไม่เหมาะสม ดังนั้น ลองอ่านบทความนี้กัน เทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่ง
จบแล้ว…ไว้พบกันใหม่ บทความหน้าค่ะ
Fit Me ฝากกด Like เพจด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ จากเรา
บทความล่าสุด
วิ่ง ออกกำลังกาย
ข้อดี ข้อเสีย การวิ่งตอนเช้ากับตอนเย็น วิ่งตอนไหนดีกว่ากัน
บอดี้เวท ออกกำลังกาย
10 ท่าลดต้นแขนย้วน ไม่กระชับ สำหรับผู้หญิง ท่าบริหารง่ายๆ
ออกกำลังกาย
คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดพุง ลดไขมัน ต้องออกกำลังกายกี่นาที
บทความยอดนิยม
สุขภาพ
เคล็ดลับวิธี คำนวณปริมาณแคลอรี่ ที่ต้องการต่อวัน
ออกกำลังกาย เคล็ดลับ
ออกกำลังกายลดน้ำหนักให้ได้ผล “คาร์ดิโอ กับ เวทเทรนนิ่ง” แบบไหนได้ผลกว่ากัน
วิ่ง ออกกำลังกาย
วิ่งลดน้ำหนัก วิ่งยังไงให้ผอม ไปอ่านวิธีที่ถูกต้องกัน รับรองลดความอ้วนได้แน่
หมวดหมู่สินค้า
สปอร์ตบรา
เสื้อกีฬา
กางเกงขาสั้น
กางเกง 5 ส่วน
กางเกงขายาว
อื่นๆ