วิ่งเทรล คืออะไร นักวิ่งมือใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง ก่อนเริ่มวิ่งเทรล

วิ่งเทรล คืออะไร

การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจะช่วยให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้มากมาย จึงไม่แปลกใจเลย หากจะเห็นหลายคนเริ่มหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งมากขึ้น ซึ่งการวิ่งก็มีหลากหลายประเภท และหนึ่งในการวิ่งที่น่าสนใจและท้าทายก็คือ การวิ่งเทรล (Trail Running)

โดยในบทความนี้ฟิตมีจะพาไปทำความรู้จักกับการวิ่งเทรล ว่าคืออะไร และสำหรับนักวิ่งมือใหม่ จะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ก่อนการวิ่งเทรลครั้งแรก หรือ ผู้ที่กำลังตัดสินใจที่จะวิ่งเทรล ให้สามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้ากันค่ะ

สารบัญเนื้อหา

ชุดวิ่งผู้หญิง

วิ่งเทรล (Trail Running) คืออะไร

การวิ่งเทรล คือ การวิ่งในรูปแบบของการผจญภัยตามบริเวณหรือพื้นที่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา ทุ่งหญ้ากว้าง หรือตามภูมิประเทศของสถานที่จัดงานนั้นๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีลักษณะของเส้นทางวิ่งที่แตกต่างกันออกไป

ที่สำคัญนักวิ่งไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะต้องพบเจอกับเส้นทางในการวิ่งแบบใดบ้าง บางครั้งอาจต้องเผชิญทั้งเนิน ดิน หิน ทราย สภาพภูมิอากาศ และที่แน่นอนก็คือ เส้นทางวิ่งจะมีความแตกต่างจากการวิ่งแบบปกติในเมืองอย่างสิ้นเชิง ที่จะมีแค่ทางราบและทางขึ้นเนิน เพราะการวิ่งแบบปกติมักจะใช้เส้นทางที่เรียบ เช่น บนท้องถนน หรือสวนสาธารณะ เป็นต้น

วิ่งเทรล

สิ่งที่ควรรู้สำหรับการวิ่งเทรลครั้งแรก

สำหรับผู้ที่เริ่มวิ่งเทรลเป็นครั้งแรกควรที่จะเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลในด้านต่างๆ ก่อนลงสนามจริง ทั้งนี้เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง รวมทั้งรู้จักป้องกัน และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดในขณะที่กำลังวิ่ง ซึ่งผู้ที่วิ่งเทรลครั้งแรกควรเตรียมตัว ดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ควรศึกษาเรื่องระยะทางที่จะใช้ในการวิ่งเทรล

ในส่วนของการวิ่งเทรลนั้นจะมีระยะทางสำหรับการวิ่งตั้งแต่ 10-100 กิโล เส้นทางจะมีอุปสรรคเพื่อเซอร์ไพรส์นักวิ่งเป็นระยะๆ เนื่องจากเส้นทางในป่าจะมีทั้งความชื้น และระดับเส้นทางที่มีขึ้นลง

ดังนั้น นักวิ่งจำเป็นที่จะต้องซ้อมการวิ่งให้เกินกับระยะทางที่ลงงานไว้ เช่น หากลงงานไว้ที่ 10 กิโล จำเป็นที่จะต้องซ้อมให้ร่างกายสามารถวิ่งได้ในระยะ 15 กิโล เนื่องจากระยะทางของบางสนามอาจจะไม่ได้เป๊ะ ซึ่งระยะของเส้นทางวิ่งอาจเกินหรือขาด +-2 กิโล หรือมากกว่านั้น

บทความแนะนำ

ฝึกวิ่งเทรล

2. ควรศึกษาเรื่องความชันของเส้นทางวิ่งเทรล

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการวิ่งเทรล คือ การวิ่งในป่า หรือ ตามเส้นทางธรรมชาติ ดังนั้น นักวิ่งจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชันของเส้นทางวิ่งได้เลย ทั้งนี้สนามวิ่งแต่ละที่อาจจะมีความแตกต่างในเรื่องความโหดของความชันให้นักวิ่งได้เผชิญ

สิ่งที่นักวิ่งควรศึกษาให้ดีก็คือในเรื่องของ Elevation Gain หรือ ความชันสะสม ซึ่งหมายถึงความชันที่นักวิ่งจะต้องวิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ทั้งนี้นักวิ่งจะต้องดูในส่วนของระยะทางทั้งหมดที่วิ่ง เช่น หาก Gain 1,000 ระยะทาง 20 กิโล กับ Gain 1,000 ระยะทาง 10 กิโล นั่นแสดงว่า ความชันที่ 10 กิโลจะมีมากกว่าและส่งผลให้การวิ่งมีความยากไปด้วย

ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาในเรื่องความชันของเส้นทางให้ดีก่อนวิ่ง จะได้เตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ

บทความอ่านเพิ่มเติม

การวิ่ง

3. ควรศึกษาช่วงเวลาของการจัดแต่ละงานวิ่งเทรลให้ดี

แน่นอนว่าการวิ่งเทรลจะมีการจัดในทุกฤดู ดังนั้น นักวิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษาในเรื่องของช่วงเวลาที่จัดงานให้ดี ควรคำนึงถึงภูมิอากาศ สภาพของสนาม รวมทั้งความพร้อมของร่างกายด้วย เพราะบางงานอาจจะจัดตรงกับในช่วงที่สภาพอากาศไม่อำนวยต่อภูมิต้านทานของร่างกาย

เนื่องจากบางสนามอาจจะต้องใช้ความอดทนต่อความร้อน เช่น งาน North Face Thailand จัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี บางสนามอาจจะต้องอดทนต่อความเปียกชื้นเพราะฝนตก สนามอาจจะมีความลื่นอยู่บ้าง เช่น งาน Columbia Master Trail และอาจจะต้องอดทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น เช่น งานโป่งแยงเทรล หรือ ตะนาวศรีเทรล ซึ่งจะมีการจัดในช่วงปลายปี

ดังนั้น นอกจากเตรียมฝึกซ้อมการวิ่งแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องการวางแผนการกิน การดื่มน้ำ ทั้งก่อนและระหว่างวิ่ง เพื่อให้วิ่งจบ แบบไม่หมดแรงไม่เสียก่อน

บทความแนะนำ

นักวิ่ง

4. ศึกษาคุณสมบัติของตัวเรากับระยะทาง

การวิ่งเทรลจะมีการกำหนดคุณสมบัติของนักวิ่งตามระยะทางที่สามารถวิ่งได้ เนื่องจากแต่ละสนามมีความยากง่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งการวิ่งเทรลจะคำนึงถึงความปลอดภัยของนักวิ่งเป็นหลัก

ดังนั้น จะสมัครตามระยะทางที่ต้องการอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องเทียบกับคุณสมบัติของตัวนักวิ่งเองด้วย เช่น ระยะทาง 50 กิโล นักวิ่งจำเป็นที่จะต้องมีคุณสมบัติที่ผ่านการวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195k หรือเคยผ่านสนามเทรลระยะ 32k มาแล้วนั่นเอง

สำหรับนักวิ่งที่ยังไม่เคยวิ่งมาราธอน ฟิตมี เขียน วิธีการซ้อมวิ่งมาราธอน ไว้ตามไปอ่านกันได้นะคะ เพราะถ้าสภาพกล้ามเนื้อ สภาพร่างกาย เราไม่พร้อม โอกาสเกิดอาการบาดเจ็บจะมีสูงมาก เพราะการวิ่งเป็นกีฬาที่มีแรงกระแทกสูง ยิ่งวิ่งระยะไกล หรือทางมีความชัน กล้ามเนื้อต้องมีความพร้อม ได้รับการเทรลมาด้วยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม >>> ท่าบริหารกล้ามเนื้อสำหรับนักวิ่ง

ชุดวิ่งผู้หญิง

5. ศึกษาและทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์วิ่งเทรล

ในการวิ่งเทรลนั้นจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิ่งอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งนี้อุปกรณ์ทุกชิ้นมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการวิ่ง รวมทั้งสามารถนำมาใช้ในการช่วยเหลือตัวเองในยามที่เจอกับอุปสรรคระหว่างทางได้

ซึ่งอุปกรณ์ในการวิ่งเทรลนั้น หลักๆ จะมีเป้น้ำ, Trekking Pole อุปกรณ์ที่ใช้ในการพยุงตัวในการเดินเขา และรองเท้าสำหรับการวิ่งเทรลโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการเกาะถนน รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย

อุปกรณ์วิ่งเทรล

6. ค่าใช้จ่ายในการสมัคร

การวิ่งเทรลในแต่ละสนามจะมีการสมัครและเสียค่าสมัครที่แตกต่างกันออกไป บางงานจะมีค่าสมัครที่แพงกว่าการวิ่งแบบปกติ เพราะการวิ่งเทรลจำเป็นที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย รวมทั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการจัดเส้นทาง รวมทั้งการให้บริการแก่นักวิ่งที่มีอยู่หลายจุดด้วยกัน

ซึ่งค่าสมัครหรือค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการวิ่งเทรลอยู่ที่ราคา 1,500-6,000 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทาง รวมถึงค่าเดินทาง ค่าที่พัก และอาหารที่นักวิ่งต้องจ่ายเพิ่มเองด้วย

ชุดวิ่งผู้หญิง

สรุป

การวิ่งเทรล ถือเป็นการวิ่งที่ท้าทายความแข็งแรงของร่างกาย รวมทั้งสภาพจิตใจของนักวิ่งได้เป็นอย่างดี เพราะเส้นทางที่ใช้ในการวิ่งนั้น นักวิ่งไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เลยว่าแต่ละเส้นทางจะมีอุปสรรคอะไรให้ได้เผชิญบ้าง ดังนั้น นักวิ่งต้องเตรียมความพร้อมของสภาพร่างกายให้ดี เพื่อป้องการอาการบาดเจ็บ

แต่ที่แน่ๆ คือ การวิ่งเทรล ทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เป็นการวิ่งที่ทำให้นักวิ่งได้ผจญภัยไปกับเส้นทางธรรมชาติ ทั้งท้าทาย สนุก และได้ชมวิวสวยๆ ระหว่างทางอีกด้วย

ไว้พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

Fit Me ฝากกด Like เพจด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ จากเรา

บทความล่าสุด

บทความยอดนิยม

หมวดหมู่สินค้า